day 8 : ไทเกอร์ฮิล - นั่งรถไฟกลับกัลกัตต้า

พอตีสาม ข้างนอกเริ่มมีเสียงโหวกเหวกแล้ว jeep stand อยู่หน้าโรงแรมเรานี่แหละ รถเข้ารถออกได้ยินหมด ที่นี่ไฮไลท์คือ tiger hill ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับยอดเขาคังเช็นจุงก้า เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสามของโลก และยังไม่ใครพิชิตได้

รถนัดเราตอนตีสี่ แต่ตีสามครึ่งนายโทรเรียกเราแล้ว (เป็นคนแรกที่มาก่อนเวลา) ทุกคนพร้อม เราเดินลงไปที่รถ ระหว่างทางจากตัวเมืองดาร์จีลิงไป tiger hill ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ถนนยังมืดตึ๊ดตื๊ออยู่เลย เงียบเชียบดีแท้ แต่ยังเห็นคนท้องถิ่นออกมาโบกรถไป tiger hill อยู่บ้าง เอากาแฟไปขายกัน รถเราเป็นรถคันแรกๆ ที่ถึง tiger hill เราแวะซื้อตั๋วตรงทางเข้า 4 ราคา ตั้งแต่ระดับ delux, super delux และมาตรฐานความหรูลดหลั่นกันไป เราเลือก super delux ก็แค่ 40 รูปีเอง ราคาลดหลั่นกันไปตั้งแต่ 40 30 20 10 รูปี จะจ่ายแค่ 10 รูปี แล้วไปยืนเบียดกับแขกข้างล่าง แถมอากาศหนาวเย็นยะเยือก ไม่เอา ถ่ายรูปออกมาก็เห็นแต่หัวแขก ไม่เอา ไม่เอา จ่าย 40 รูปี มีโซฟาให้นั่งในห้องกระจก มีจัยให้จิบ มีกระจกกั้น วิวเห็นชัด ไม่มีหัวใครมาขวางเลนส์ แถมไม่หนาวจนปากสั่น (แต่ก็หนาวเข้ากระดูกเหมือนกันนะ)

มาแล้ว มาแล้ว แสงแรกของวัน

ยิ่งรุ่งสาง คนยิ่งเยอะ

ยอดเขาคังเช็งจุงก้า เหมือนมาเฝ้ารอโฉมงามยังไงยังงั้น

พอตะวันเริ่มโผล่ แขกตบมือกันเกรียว

สวยจริงๆ คุ้มที่ตื่นตีสาม คุ้มที่นั่งทนหนาวรอ

ถ่ายรูปอาบแสงยามเช้ากัน

ตารางบอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก

แดดอุ่นๆ แต่ยังหนาวได้ใจอยู่

ดาร์จีลิงเป็นสาวน้อยที่ตื่นเช้า นอนดึก ชีวิตเธอมีแต่ความวุ่นวาย ผู้คนเข้ามาแวะเวียนเยี่ยมเธอไม่เคยหยุดหย่อน เนื้อหอมจริงๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาล หัวกะไดบ้านไม่เคยแห้ง คนอินเดียทางใต้ชอบหนีร้อนมาเที่ยวเมืองหนาวช่วงหน้าเทศกาล ถ้าเลี่ยงได้เลี่ยงซะ ถ้าไม่อยากมาแย่งที่นอน ที่กินกับแขก ที่เที่ยวแต่ละที่ก็ออกันไป รถติดทุกที่ เสียงแตรบีบกันสนั่นเมือง

กลับถึงห้องพัก เราโผล่หน้าออกนอกหน้าต่างห้อง วิวยอดเขาคังเช็งจุงก้าเห็นชัดกว่าที่ tiger hill เสียอีก

ตอนแรกกะจะอุดหนุนร้านอาหารของโรงแรม แต่พอนั่งดูเมนู เป็น veg ทั้งหมด เราเลยเดินลงหาร้านกาแฟแถวๆ ร้านขายของที่ระลึกนั่งกินอาหารเช้ากัน

เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่ขายทั้งขนมปัง เบเกอรี่ ชา กาแฟ มีบริการอินเตอร์เน็ตด้วย พอเดินทะลุเข้าหลังร้าน มีโต๊ะให้นั่งชมวิวภูเขา มีฝรั่งนั่งอยู่ประปราย อากาศเย็นสบาย จิบชา กินขนม ชมฝรั่ง มีความสุ๊กกกกก

ที่ดาร์จีลิงมีฝรั่งแบ๊กแพ๊กเกอร์ให้เห็นมากกว่าที่กังต็อก

ร้านชื่อ glenary's ร้านที่นี่ส่วนมากจะใช้ถุงกระดาษย่อยสลายได้

menu กวนโอ๊ยดีด้วย

ตู้ไปรษณีย์หน้าร้านกาแฟ

เดินกลับโรงแรม ยังเช้าอยู่บางร้านยังไม่เปิด ส่วนใหญ่จะเปิดประมาณ 8-10 โมง

เรากลับห้อง อาบน้ำ แพ๊คของ แล้วออกมาหารถไปสถานีรถไฟกัน แวะร้านหนังสือซื้อโปสการ์เพิ่ม ที่นี่ร้านหนังสือเยอะมากๆ หนังสือใหม่ๆ ด้วย ราคาไม่แพง เห็นแล้วน้ำลายสอ เทียบกับบ้านเรา บ้านเราแพงกว่า แต่ร้านมือสองก็หาไม่ยาก แถมต่อได้ด้วย แต่โปสการ์ดที่นี่แพงกว่าที่กังต็อก คุณภาพดีกว่า มีหลายแบบให้เลือก

มื้อเที่ยงก่อนกลับ เราแวะกินอาหารที่ร้านทิเบตร้านเดิม แต่ขอให้ลดเค็มหน่อย

เสร็จมื้อเที่ยง ฉันกับจูนเดินไปไปรษณีย์กัน ส่งโปสการ์ดที่นี่แค่เดินไปซื้อแสตมป์ที่เคานเตอร์ แปะน้ำลาย หยอดตู้ได้เลย ราคา 12 รูปี ส่งไปไหนก็ได้ ส่งเมืองไทยประมาณ 1 อาทิตย์

เราหารถไปสถานีรถไฟจนได้ ราคา 1700 รูปี เหมาคัน เป็นรถโตโยต้า innova ใหญ่มากๆ มีแอร์ด้วย นั่งหลับกันสบาย แอร์เย็นเจี๊ยบ รถวิ่งจากดาร์จีลิงไปสถานีรถไฟนิวจาลไปกูริประมาณ 2.5 ชั่วโมง ทางคดเคี้ยวกว่าที่ผ่านมา โค้งหักศอกเยอะมาก แต่ไม่มีใครเมารถกัน หลับกันเงียบเชียว

พอถึงสถานีรถไฟ ความเป็นอินเดียแท้ๆ เริ่มปรากฎอีกครั้ง แดดแรง เริ่มร้อน เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ ถอดกันไม่ทัน เราถึงสถานีก่อนรถไฟออกหลายชั่วโมง หันหน้าหันหลังมองหาที่ตั้งกระเป๋าที่สะอาดที่สุด ผลัดกันเฝ้า เหมือนจงอางหวงไข่ ผลัดกันเข้าห้องน้ำ คนเข้าคนแรกต้องกลับมาบอกลายแทงคนหลังว่าห้องไหนเข้าได้ ห้องไหนอย่างได้แง้มประตูเข้าไปเชียวแหละ

จัดการปลดทุกข์เสร็จ พี่แตงกับจอยเฝ้ากระเป๋า ฉันกับจูนเข้าไปถามพนักงานเรื่องตั๋ว เราต้องคอมเฟริ์มตั๋วก่อน เพื่อให้ได้เลขที่เตียงนอน แล้วมันทำกันยังไงว่ะนี่???

เข้าไปยืนต่อแถวตรงประชาสัมพันธ์ พอถึงคิวเรา นายชี้ไปตรงอีกเคานเตอร์ ทำไมหาคนพูดภาษาอังกฤษได้ยากจริงนิ เจ้าหน้าที่บอกให้เราไปที่ชานชลาเลย แล้วหาออฟฟิสคอนเฟริ์มตั๋ว ฉันกับจูนเดินไปบอกพี่แตงกับจอย แล้วพากันแบกเป้ขึ้นสะพานข้ามไปที่ชานชลา ไปถึงหาออฟฟิสเจอ เราปักหลักนั่งกันหน้าออฟฟิส ระหว่างดำเนินการเรื่องตั๋ว เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ เค้าบอกให้เราไปอีกออฟฟิสนึง ก็เดิมกลับไปที่เดิมนั่นแหละ แต่อยู่อีกอาคารนึง เดินออกไปนอกสถานี เลี้ยวซ้าย พอเจอออฟฟิสอย่างที่บอกมาตามลายแทง เห็นคนแขกเข้าคิวกันเต็ม เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ เจ้าหล่อนโบ้ยปากโบกไม้โบกมือทำท่าบอกว่าสัญญาณเน็ตล่ม ทำการอะไรไม่ได้ มีแขกคนนึงเป็นผู้โดยสารเหมือนกับเรา เจอสถานการณ์เดียวกันเข้ามาถามฉันว่าทำยังไง? แล้วตรูจะรู้มั๊ยนี่? ตรูก็งมอยู่เหมือนกัน คนอินเดียยังงง มีคนที่ต่อคิวอยู่ที่เคานเตอร์บอกเบอร์ให้โทรเข้าศูนย์เพื่อคอนเฟริ์มตั๋ว ฉันลองแล้ว มันก็เหมือนๆ โทรเข้าศูนย์บ้านเราฟังแต่เสียงโอเปอเรเตอร์ ทำการไรไม่ได้ ทางออกสุดท้าย ฉันโทรหาทาริก ระหว่างโทรหามีข้อความเข้า ทาริกบอกฉันว่า คอนเฟริ์มตั๋วให้แล้วเช็คข้อความสิ วางสายจากทาริก ฉันเช็คดูข้อความ มีหมายเลขขบวนพร้อมเตียงสี่เตียงให้เรียบร้อย เฮ้อโล่งไปเปรอะหนึ่ง เรายังไม่วางใจ จนกว่าจะได้ขึ้นรถไฟ เจอตู้ เจอเตียงตามที่ทาริกบอกไว้จริงๆ

ได้เลขที่นั่ง ฉันกับจูนเดินกลับไปที่จอยกับพี่แตง เอาหมายเลยให้พนักงานดูอีกที ฉันถามหาหมายเลขชานชลา นายบอกชานชลาที่ 3 เราหมายตาเอาไว้ แต่ยังไม่เคลื่อนขบวนเพราะดูแล้วไม่มีที่นั่ง

ได้เลขที่นั่ง คอนเฟริ์มตั๋วแล้ว ฉันเดินว่อนถ่ายรูปรอบๆ สถานี ค่อยเครียดกันอีกทีตอนเดินหาขบวน หลังจากรถหยุดตรงชานชลาเรามีเวลา 30 นาทีในการหาขบวนรถให้เจอ เหมือนเล่นเกมส์โชเลยนิ

ใกล้เวลารถออก เราเริ่มขยับเข้าชานชลาที่ 3 ที่นี่มีห้องพักผู้โดยสารที่รอขึ้นรถด้วย มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำให้ด้วย แยกหญิงชายเรียบร้อย

ตะวันตกดินที่สถานีรถไฟนิวจาลไปกูริ

รถไฟมาเลทเกินกว่าเวลา เราเริ่มระทึกกันอีกรอบ เวลาจริงๆ คือ 5.45 pm หกโมงครึ่งแล้วยังไม่โผล่ เราเริ่มมองหาแขกแถวๆ นั้น ถามหารถไฟขบวนที่เราจะไป ฉันเข้าไปถามแขกที่ยืนอยู่ข้างๆ นายไปขบวนเดียวกับเรา นายถามเราด้วยความเป็นห่วงว่าคอนเฟริ์มตั๋วหรือยัง เราบอกเรียบร้อย สักพักนายบอกเรา รถไฟเปลี่ยนชานชลาเป็นชานชลาที่ 4 เราแบกเป้เดินตามนายไป ยิ่งค่ำ แขกยิ่งเยอะ ไม่รู้มาจากไปกัน คนเบียดเสียด เดินตามกัน เริ่มมองไม่เห็นกัน เพราะโดนทะเลแขกเบียดไปเบียดมา รถไฟมาแล้ว แล้วตู้ BE มันอยู่ไหน แขกกวักมือให้เดินตาม เราก็แบกเป้ตาม รู้สึกมันจะไกลไปแล้วมั้ง เราเลยถามพนักงงานขายข้าวใส่ชุดฟอร์ม นายบอกเดินตามม๊ะ เราแบกเป้หันหลังกลับเดินตามสองพนักงาน ในที่สุดเราก็เจอตู้ BE เฮ้อ!!! สองพนักงานส่งเราจนถึงเตียง เราไม่ซื้อข้าวที่นายขายแต่เราติ๊ปไป 100 รูปี บอกให้ไปแบ่งกัน แค่นี้นายก็ยิ้มจนปากถึงหูแล้ว

หน้าตาเบิกบานกันจริงๆ หลังจากเจอเตียงนอน

พอรถไฟออก เราแงะเอาเสบียงออกมากิน อาหารค่ำมื้อนี้ ข้าวคลุกปลาร้า หมูหยอง และกับข้าวที่เหลือจากมื้อเที่ยง เราให้ที่ร้านห่อใส่กล่องให้ แล้วสั่งข้าวเพิ่ม

ที่นอนเราเป็นสองฟากคู่ขนานกัน เป็นเตียงสามชั้น มีทั้งหมดหกเตียง เรามีกันสี่คน นอนชั้นหนึ่งกับชั้นสาม ว่างชั้นสองไว้ ดึกๆ มีสองแม่ลูกมานอนชั้นสอง

เป้สอดไว้ใต้เตียงชั้นล่าง เป้เล็กนอนหนุนหัว ไนท์นิวจาล พรุ่งนี้เราจะมอร์นิ่งกัลกัตต้า

1 comment:

  1. อินเดีย..กินอิ่ม นอนหลับ สวยจิงๆๆๆ

    ReplyDelete