day 6 : กังต็อก - ทะเลสาบชางกู่

วิวจากห้องพักชั้น 5 วันนี้เราเช็คเอ๊าท์ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วไปเที่ยวทะเลสาบชางกู่กัน นัดทัวร์ไว้แต่เช้า กะว่าเที่ยวชางกู่เสร็จจะตีรถเข้าดาร์จีลิงเลย วางแผนไว้ว่าจะนอนดาร์จีลิงสัก 2 คืน เริ่มอิ่มกับกังต็อกแล้ว

วันนี้แดดดีมากๆ ร้อนเลยแหละ งัดเอาแว่นกันแดดมาใส่กัน แต่ผ้าพันคอยังใช้อยู่ แดดแรง แต่หนาวววว ได้ใจ

รถหยุดตรงด่านตรวจ แต่รถเราหยุดนานไปหน่อย เพราะคนขับไม่มีใบอนุญาตขับรถเส้นนี้ กว่าจะเคลียร์กันเสร็จ รอแล้วววรออีกกกก (แล้วตรูจะถึงดาร์จีลิงกี่โมงฝ่ะนี่??)

รถยิ่งไต่ขึ้นที่สูง แดดเริ่มหาย หมอกเริ่มปรากฎตัวแทนที่ ผ้าพันคออย่างเดียวเริ่มเอาไม่อยู่ ต่างคนต่างงัดเอาเสื้อกันหนาวตัวใหญ่มาใส่กัน ตรงสุดปลายทะเลสาบชางกู่ ที่ที่เราจะไปขี่เจ้าจามรีกัน มีความสูง 12,000 ฟุต เป็นวันสุดท้ายที่เราจะไต่ความสูงกัน ดูซิจะมีใครเป็นโรคแพ้ความสูงบ้าง ยาหยูกเตรียมกันมาเพียบ ยังไม่ได้ใช้

ไต่ขึ้นมาได้สักพัก รถหยุดรอกันเป็นแถว ลองถามไกด์ดู ได้ความว่า ทหารกำลังเคลียร์ถนนอยู่ ทะเลสาบชางกู่เป็นเขตควบคุมของทหาร จะเข้าจะออกต้องทำใบอนุญาต จะกะเกณฑ์เวลาไม่ได้เลย เพราะบางช่วงต้องรอให้พี่ทหารทำภาระกิจเคลียร์ทางให้เสร็จก่อนถึงจะวิ่งรถผ่านได้ รอกันเกือบชั่วโมงกว่ารถถึงจะเคลื่อนขบวนต่อได้

วิวสวย อากาศเย็น คนขับแก่ ไม่ประทับใจเท่าขานั่งไปลาชุง

พอมาถึงทะเลสาบ สมาชิกในรถ (ขอ) หัวเราะก๊าก ก็ตรงทะเลสาบมันเหมือนเขาสกบ้านเราอ่ะ!! แค่ช่วงฤดูหนาว น้ำในทะเลสาบเป็นน้ำแข็ง หิมะปกคลุมทั่วท้องถนน แต่ถ้ามาช่วงหิมะหนา อาจมาไม่ถึงทะเลสาบ ตอนเราออกจากกังต็อกแดดเปรี้ยง แต่ระหว่างทางที่ไต่ขึ้นเขา หมอกหนา ฝนตกปรอยๆ ไม่เปียก แต่หนาวจับจิต มือไม้เย็น ยืนเป็นเจ้าเข้าระหว่างถ่ายรูปกับจามรี ไฮไลท์สุดก็จามรีนี่แหละ

เราอยู่ที่ทะเลสาบกันไม่นาน เพราะไม่อยากไปดาร์จีลิงเย็นเกินไป ชมวิว ขี่แย๊กเสร็จ บอกไกด์กลับเถอะ ไกด์งง มันนั่งรถมาตั้งไกล มาดูแค่เนี๊ยะ? (เออ ตรูจะไปดาร์จีลิงต่อ)

ไกด์แวะระหว่างทาง ตรงร้านขายของที่ระลึกให้เราเข้าห้องน้ำ จิบชา รถเราเป็นรถคันแรกๆ ที่ขับลง เพราะคันอื่นอาจขี่เจ้าแย๊กเวียนรอบทะเลสาบ เราไม่เอา สงสารมัน ขอขี่ถ่ายรูปก็พอ

เราไม่จิบชาอย่างเดียว สั่งไวไวร้อนๆ มากินกันด้วย ที่นี่มีแต่ไวไว มาม่า ไม่มี ไวไวเค็มๆ ใส่น้ำร้อนอย่างเดียวทำนานโคตรๆ

ถ้ารู้ว่านานอย่างนั้น เราคงไม่กินไวไวกัน ค่อยไปหาอะไรกินกันที่ก้งต็อกดีกว่า กินเสร็จรีบออกรถ ปรากฎว่าเจอรถติดระหว่างทางอีก สงสัยพี่ทหารจะทำความสะอาดทางอีกเช่นเคย ทำไงได้ รออย่างเดียว รถเราเป็นรถคันที่ 3 แสดงว่าเพิ่งทำ นึกว่าสักสามสิบนาที ที่ไหนได้ ปาเข้าไป เกือบ 4 ชั่วโมง นั่งอยู่ในรถนั่นแหละ นั่งกันจนจอยหมดมุขจะเล่าแล้ว รอแล้ววว รออีกกก พี่ทหารก็ทำทางไม่เสร็จซะที ถามไปถามมา ปรากฏว่าหินถล่ม ไม่ใช่ทำความสะอาดทางอย่างขามา ตอนเรานั่งกันในรถ ยังมีหินกลิ้งหล่นลงหลังคารถเราบ้างประปราย จริงๆ เราต้องขอบคุณไวไวนะนี่ ถ้าไม่ได้ไวไวต้มช้าถ้วยนั้น รถเราอาจมาถึงตอนหินถล่มก็ได้ ใครจะไปรู้

ภาพหินถล่ม ตรงขอบบนเป็นถนนที่เราไต่ลงกัน ข้างล่างเป็นเหวค่ะ เหวอย่างเดียว

รถเราถึงด่านประมาณ 4 โมง คันอื่น จอดรายงานตัวแล้วได้ไปเลย แต่ไงคันของเราติดแหง๊กเหมือนขามา? ตรูจะไปดาร์จีลิ้งงงงงงง เร็วๆ หน่อยดิ มันมืดเร็วด้วยดิ เรานั่งสองจิตสองใจว่าเอาไง นอนกังต็อกอีกคืน หรือดันทุรังไปดาร์จีลิงกัน 4 ชั่วโมงอ้อมเขาในป่าอินเดีย คนขับรถเป็นไงไม่รู้ รถก็เล็ก ฉันเสนอให้เรานอนกังต็อกอีกคืน แล้วค่อยออกพรุ่งนี้เช้า สมาชิกเห็นด้วย ฉันเลยบอกไกด์ให้บอกคนขับรถว่า ตามสบายเลยลูกพี่ เราไม่รีบแล้ว จะช้าเท่าไหร่เราไม่บ่นท่านแล้ว

ฉันรีบควักไดอารี่ออกจากกระเป๋า โทรหา snow lion บอกว่า คืนนี้เรานอนอีกคืนน๊า หาห้องให้เราด้วยน๊า เอาชั้นสองน๊า ห้องเดิมน๊า ฉันพูดยาวไป เยอะไป แขกฟังไม่รู้เรื่อง แต่ตอบกลับมาว่า มาให้ถึงโรงแรมเถอะ ยูมีที่นอนแน่นอน เฮ้อ โล่งอก นึกว่าต้องแบกเป้ หาที่นอนใหม่อีกแล้ว เพราะตอนเช้าตอนออกมาแขกยังเยอะอยู่

ถึงโรงแรม เช็คอิน ล้างหน้าล้างตา ออกมาว่อนกังต็อกอีกหนึ่งคืน วันนี้เราตามหาโมโม่ที่อร่อยที่สุดในกังต็อกกินกัน ไกด์แนะนำมา บอกว่าร้านนี้ไม่ผิดหวัง เออหว่ะ อร่อยจริงๆ อยู่ในซอกหลืบ ยังตามหากันจนเจอ

ตบท้ายมื้อค่ำด้วยร้านอาหารนานาชาติข้างโรงแรม เดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายรอบ แต่ไม่เข้าซะที บอกไม่ถูกว่าชาติไหนเหมือนกัน เจ้าของเป็นคนอินเดีย หน้าตาทิเบต ภรรยาเป็นญี่ปุ่น มีอาหารไทยด้วย แต่ยังไงเราก็สั่งอาหารอินเดียกะทิเบตนั่นแหละ อาหารไทยไว้กินที่บ้าน เราสั่งอาหารชื่อแปลกๆ ที่ยังไม่เคยกิน แถมสั่งบะหมี่อินเดีย หน้าตาเหมือนสุกี้บ้านเรา หร่อยดี

ไอ้ที่เป็นท่อนดำๆ เค้าเรียก fish finger อร่อย มีกลิ่นควันนิดๆ เหมือนกินทอดมันแข็งๆ ปั้นเป็นรูปนิ้วมือ

ปิดท้ายที่กังต็อกด้วยการเขียนโปสการ์ดกัน กะจะไปส่งกันที่ดาร์จีลิง

1 comment:

  1. นั่งรถไป 3 ชม ไปถ่ายรูปกะจามรี 5 นาที...แต่รอดตายเพราะมัวแต่กิน(ไวไวแขก ช่วยชีวิต)

    ReplyDelete