day 10 : กลับบ้านแล้วจ้า

วันนี้เราจะบินกลับเมืองไทยกันแล้ว เมื่อวานบอกทาริกให้ช่วยหารถไปสนามบินให้หน่อย ขอแอร์นะ ทาริกบอก 800 รูปี โอยแพงจัง ลดหน่อยไม่ได้เหรอ? อยากจ่ายน้อย แต่อย่างนั่งรถแอร์ ทาริกบอกเช้าๆ ไม่ต้องรถแอร์หรอก ยังไม่ร้อน ไม่มีเหงื่อ เอา taxi ธรรมดาก็พอ ฉันถามว่าเท่าไหร่ นายบอกเดี๋ยวถามให้ สักพัก ไปลากตัว taxi มาให้ ให้เราตกลงราคากันเอง taxi เรียก 350 ฉันต่อ 300 บอกขามาแค่ 240 เอง taxi ตกลง (ง่ายๆ ฟันตรูไปแล้วดิ)

taxi จดเบอร์รถพร้อมเบอร์มือถือให้ บอกพรุ่งนี้เช้าเจอกัน 7.30 น. ยังไม่ทันจะ 7 โมงเลย taxi จอดรอหน้าปากทางเข้าโรงแรมแล้ว เราเดินออกกันมาก่อน กะหาอาหารเช้ากินก่อนเข้าสนามบิน เลยบอก taxi รอก่อนนะนาย ขอกินมื้อเช้าก่อน

เช่นเคย เลือกร้านใกล้โรงแรม breakfast วันนี้เป็นโรตีกรอบกับน้ำแกง สั่งสองกินสี่ เพราะมันเยอะ แป้งทั้งนั้น ถ้ามาอีกทีจะเอานมข้นหวานมาด้วย โรตีที่นี่จะอร่อยขึ้นเยอะ

ได้เวลาไปสนามบิน เราเช็คเอ๊าท์ แบกเป้ขึ้นรถกัน รถวิ่ง 45 นาที เช้าๆ รถยังไม่เยอะ ฝนตกปรอยๆ ไม่ร้อนไม่เหนียวตัว ได้เห็นวิวข้างทาง เป็นวิถีชีวิตของคนอินเดีย นั่งแปรงฟัน อาบน้ำกันข้างถนน สนามบินนานาชาติกัลกัตต้ายังใช้ไม้ไผ่ทำรั้วกั้นอยู่เลย หรือว่าต้องการ go green?

ตอนลงจากรถ กำลังสาละวนเอาเป้ใส่รถเข็นกันอยู่ ฉันสะพายเป้ใบเล็กไว้ข้างหลัง ช่วยสมาชิกจัดเป้ใบใหญ่ลงรถเข็น ยืนเหลื่อมล้ำหันหลังให้อีกเลนนึง สักพักรู้สึกว่ามีอะไรชนข้างหลังดังตุ๊บ ไม่เจ็บแต่จุกนิดๆ ตกใจมากกว่า หันกลับไปดู รถโค้ชคันใหญ่ขนาด 48 ที่นั่ง ชนเข้ากลางหลังฉัน หันไปดูคนยืนมองกันเต็ม ไอ้แขกแก่คนขับมันยังก้มลงมาหัวเราะใส่อีก วันสุดท้ายแล้ว ไม่โกรธ ไม่โกรธ แต่ขอด่าในใจหน่อยเถอะ

เข็นรถเข้าสนามบิน เริ่มเจอคนไทยเยอะขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นทริป นุ่งขาว ห่มขาว ป้าๆ ยายๆ มาแสวงบุญกัน ที่มาเยี่ยมลูกที่ดาร์จีลิงก็มี ส่วนพวกเค้ามองพวกเราว่าเป็นนักเรียนมาเรียนหนังสือกัน ดีจัง หน้าตายังอยู่วัยเรียนกันอยู่เลย

พวกเรามาถึงสนามบินเร็ว ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เราเข็นรถมาจอดหน้าร้านกาแฟ แล้วก็สั่ง สั่ง สั่ง กินไป ถ่ายรูปไป วันสุดท้ายแล้วนิ ไม่รู้เมื่อไหร่จะมาอีก เก็บความประทับใจเอาไว้ให้เต็มที่ เมมยังเหลือ รูปียังเหลือใช้มันซะ

แถมเงินในซิมโทรศัพท์ยังเหลือ โทรเท่าไหร่ก็ไม่หมด ซื้อซิมร้อยกว่ารูปี เติมเงินเพิ่มอีก 555 รูปี โทรกันตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ผลัดกันโทรกลับบ้าน โทรทุกวัน โทรตามทัวร์ โทรหาเอเจนซี่ มันก็ยังไม่หมด โทรกลับเมืองไทยนาทีละแปดบาท ถูกโครตๆ เหลืออีกตั้งเกือบร้อย ทำไงดี โทรหาลามะน้อยดีกว่า (ป้าทำเปรี้ยวอีกแล้ว)

ฉันโทรหาพี่ชายโชดะจากนามบัตรที่ให้ไว้ เพื่อขอเบอร์โชดะ ร่ำลากับพี่ชายเสร็จ ต่อสายคุยกะน้องชายต่อ คุยเสร็จส่งให้ป้าแตง ดูหน้าป้าสิ คุยกะลามะน้อย เขินม้วนเชียว สายตายังกะน้ำเชื่อม คุยเสร็จเฮกันลั่นร้านกาแฟ โทษทีนายจ๋า นานๆ ป้าจะได้เจอเด็กถูกใจซะที

ได้เวลาเคาน์เตอร์เปิด เราเข้าเช็คอินไปนั่งข้างใน

ข้างในมีรูปสถานที่ท่องเที่ยวกัลกัตต้าติดเต็มไปหมด ทุกคนเลยขอซ่อม ซ่อม ซ่อม

ก่อนเข้าเช็คอิน ฉันสอยหนังสือมาได้อีกหนึ่งเล่ม เล่มนี้เพื่อนฝูงแนะนำให้อ่านนานมากแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ซื้อซะที

ซ่อม ซ่อม ซ่อม ซ่อม

หมดทริป รองเท้ายังอยู่ในสภาพดีอยู่ ถุงเท้าที่ป้าแตงซื้อยกโหลแจก พร้อมใจใส่กันวันกลับ

ทริปนี้ เที่ยว 10 วัน กางเกง 2 ตัวพอแล้ว ใส่จนมันขยายใหญ่ขึ้น วันสุดท้าย กางเกงหลวมหลุดก้น นึกว่าตัวเองผอม ที่ไหนได้ ผ้ายีนมันยืดออก ใส่กันจนกางเกงเกือบยืนด้วยตัวเองได้แล้ว

อินเดียไม่มาไม่รู้จริงๆ อ่านหนังสือ หรือจะฟังใครเล่า ยังไม่เท่ากับได้มาเห็น มาเยียบ มาดอมดมด้วยตัวเอง ไอ้ที่บอกว่าไม่รักก็เกลียด มันน่าจะจริง ฉันมาทริปนี้ทริปแรก เจอที่ดีมากกว่าที่แย่ เจอของสวยมากกว่าของไม่สวย เจอแขกใจดีมากกว่าแขกใจดำ หรือเป็นที่เราเลือกมองมากกว่า? ไอ้ที่ไม่สวยก็ทำเป็นไม่เห็น ไอ้ที่ไม่ดีก็ไม่ใส่ใจ ช่างมันเต๊อะ เลยรู้สึกว่า รักอินเดียมากว่าเกลียด slogan ที่ว่า 'you will keep coming back' ฉันว่ามันใช้ได้กับฉันน่ะ ใครจะปฏิเสธดินแดนผืนใหญ่ผืนนี้ได้ลงคอ มีที่อีกเยอะในอินเดียที่น่าไปค้นหา น่าสำรวจ ไม่เชื่อลองมาอินเดียสักครั้ง ฉันว่ามันเปลี่ยนมุมมองความคิดคุณได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เราหมดไปคนละ 18000 รวมทุกอย่าง ทั้งช๊อปปิ้งของฝาก ของตัวเอง ของคนที่บ้าน ค่าตั๋ว jet 7400 ตอนเราไป หางแดงยังไม่มีบินจากกรุงเทพฯ โดนแขกฟันบ้างเป็นธรรมดา ไม่โดนเลย เหมือนมาไม่ถึงอินเดีย เราดูว่าถ้าเรารับได้ เราก็เอา มาเที่ยวเอามันส์ หาประสบการณ์ เจอคนใหม่ๆ ไม่ได้มาเขียม เรายอมจ่าย ตั้งงบไว้ ไม่เกินก็โอเค รับได้เอา รับไม่ได้ ต่อ หรือ เดินหนี เดี๊ยวมันเรียกเอง เรารับได้ เค้าอยู่ได้ก็โอเค ช่วยๆ กัน

ขอบคุณสมาชิกทุกคนที่หลงร่วมเดินทางมากะฉัน ไม่มีนาย เราไม่หนุก ไม่อิ่ม ไม่มีหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็งอย่างนี้ ทริปนี้สนุกสุขสันต์ กินอิ่ม นอนหลับกันจริงๆ

ขอบคุณพ่อแม่ที่ทำให้เราสองศรีพี่น้องเป็นโรคเท้าคันอยู่บ้านกันไม่ติด ยีนส์เด่นช่างเที่ยวของพ่อกับแม่ทำให้เราได้ใช้ชีวิตกันอย่างเมามัน

india has changed me in some ways.. travelling and meeting new people always gives me new attitudes toward life and the way i think. naturally, i am an open book but i am more when travelling. i don’t travel to find ‘me’ bc i’ve found and known ‘me’ for a long time. but it feels like i’ve created and found new shades and new layers of ‘me’ everytime i visit new places and meeting new people.

India is not an easy country to travel but not too hard if you've opened your heart to try. we’d done a lot of homework before going bc we wanted to enjoy our time travelling there as much as possible. though, plans couldn’t be fixed and things could be changed every minute, we were open and prepared for that. these are what we’ve learned and adapted to the way we live life and the way we think..

2 comments:

  1. สรุปทริปนี้ น้ำหนักเพิ่มสองกิโล ใครบอกว่ามาอินเดียกินไม่ได้ ไม่จริง..กินได้ อร่อย และหมดทุกมื้อกินจนฟันเหล็กเปลี่ยนสี ถ้ามีรอบสองรับรองเพิ่มไม่ต่ำกว่าสามโลแน่ เพราะเรารู้ล่ะว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณป้าๆ มาก ที่ทำให้หนูได้สัมผัสกะการท่องเที่ยวแบบนี้ ทริป สอง สาม ที่กำลังจะตามมาเต็มที่ จัดไป ยาวไป

    ReplyDelete