day 2 : กัลกัตตา - นิวจาลไปกูริ - กังต็อก

ประมาณ 6 โมง จูนปลุกฉัน บอกว่าถ้าอยากเข้าห้องน้ำที่ยังไม่เจือด้วยรอยแขก ให้ลุกไปเข้าซะ ก่อนแขกจะตื่น ฉันลุกงัวเงีย ทำตามเสียแต่โดยดี พี่แตงกะจอยตื่นแล้ว นอนบนรถไฟอินเดีย สบายเหมือนกันนิ ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้ามารถบัสจะเป็นยังไง

พอเริ่มสว่าง เราสี่คนนั่งหน้าสลอนกันเตียงล่าง นอนเตียงบนไม่มีหน้าต่าง ไม่สว่างซะที อีกตั้งสามชั่วโมงกว่ารถจะถึงที่หมาย ไม่แปรงฟัน เพราะไม่ไว้ใจน้ำในรถไฟ ไม่เป็นไร นานๆ ที ค่อยแปรงตอนถึงโรงแรมทีเดียว (ปรากฎว่าได้แปรงอีกที่ก็เกือบห้าโมงเย็น!) งัดเอาเสบียงมากินกัน สารพัดหมู ทั้งหมูใต้และหมูอีสาน

มีพ่อค้าเดินขายจัย (ชานมหวานนิดๆ) เดินไปเดินมา คนไทยอยากกินแต่ไม่กล้าเสี่ยง คนแรกผ่านไป ไม่ได้เงินตรู คนที่สองขึ้นมา เห็นแขกเตียงข้างๆ สั่งกันตรึม คนไทยหันไปดู ใส่อะไรบ้างหว่า? กรรมวิธีเป็นยังไง? ดูไปดูไป สั่งสักแก้วดีมั๊ย? คอนวิ๊นซ์อีกแระ เห็นนมร้อนดีนะ? (ไม่มีน้ำร้อน แต่เป็นนมร้อนเทใส่แก้ว หย่อนถุงชาลงแก้ว กระตุกหน่อย ชาแตกตัว กระดกได้เลย แต่ระวังปากพอง) แก้วแรกแบ่งกันชิม รถชาติดีใช้ได้ สั่งมะอีกอีกสามแก้ว หร่อยดีนะ.. แก้วละ 10 รูปี..

มาม่าแห้งแกล้มจัย เบรกฟาสท์มื้อแรกที่อินเดีย กินกันให้อิ่ม เพราะไม่รู้จะกินอีกเมื่อไหร่

..9.30 น. รถไฟถึงสถานี นิวจาลไปกูริ .. ไปทางไหนต่อดี? .. ถ่ายรูปก่อนแล้วกัน..

เราเดินตามฝูงชนอินเดียไปเรื่อยๆ ขึ้นสะพาน เดิน แล้วก็เดิน เป้เริ่มหนักแล้วอ่ะ

จนหลุดออกมาหน้าสถานนี เจอคิวรถจิ๊ป มีแบบแชร์กับเหมา เราเลือกเหมา ไม่อยากอ้วกแข่งกับแขก เหมาไป 3000 รูปี คนขับจะเอา 3200 เราไม่เอา มีแขกหัวใสขอติดรถมาด้วยบอกว่าจะจ่าย 200 เอง นึกว่ามันจะไปใกล้ๆ เลยยอมให้ไป ที่ไหนได้ มันไปลงปากทางสิกขิมโน่น โมโหโดนแขกเอาเปรียบ

ผ่านตลาด เห็นมาผลไม้สดๆ เลยบอกคนขับให้แวะซื้อ ทับทิมแดงมากๆ หวาน อร่อยดีด้วย

ตอนเพิ่งออกจากเมือง ทางยังเป็นมะตอย แต่สักพัก เริ่มมีหลุม มีบ่อ ฝุ่นคลุ้ง คนขับก็ซิ่งน่าดู ตับไตไส้พุงจะรวมไปอยู่ที่เดียวกันแล้ว ขับเร็ว ซิกแซ๊กตามไหล่เขา แซงซ้ายแซงขวา แรกๆ ก็กลัว กลางๆ ก็ชิน สุดท้ายเริ่มมัน จะขับยังไงก็ขับไปเต๊อะ ให้ข้าถึงกังต็อกอย่างปลอดภัยแล้วกัน บางช่วงพอเราเสียวขนาดเริ่มกรี๊ด คนขับบอก it's okay, it's okay.. เออ หัวใจลงไปอยู่ตาตุ่มแล้ว .. ก็เล่นขับไม่ยอมให้ใครแซงเลย แซงชาวบ้านลูกเดียว แต่ยอมรับว่านายขับเก่งจริงๆ

วิวข้างทางสวยมาก ป่าเขียวสมบูรณ์ น้ำออกสีเขียวอ่อนๆ

ก่อนเข้าสิกขิมเจอรถติด จอดประมาณ 10 นาที เลยลงมายืดเส้นยืดสาย ถ่ายรูปกัน

ซิ่งไม่ซิ่ง ดูหัวจูนแล้วกัน ฟูเชียว

ด่านเข้าสิกขิม เราขอ permit มาจากเมืองไทยแล้ว ไม่ต้องแวะขอให้เสียเวลา แค่เข้าไปในออฟฟิส ให้เจ้าหน้าที่บรรจงเขียนรายชื่อเราลงสมุดบันทึก .. เขียนจริงๆ นะนาย ไม่ได้พิมพ์สัมผัสอย่างบ้านเรา..

เสร็จพิธี เราเดินออกมาหารถ เห็นจอดอยู่หน้าร้านขายของชำ เดินไปดู เห็นคนขับนั่งกินโรตีน้ำแกง เราเอามั่ง สั่งชี้มั่ว ลองมันทุกอย่าง ..อร่อยดี.. ใครว่ากินไม่ได้?

ที่สิกขิมจะรณรงค์ไม่ใช้พลาสติกกัน ภาชนะส่วนใหญ่ที่เห็นจะทำมาจากใบไม้

กินเสร็จเราเริ่มออกเดินทางกันต่อ

วิวสวย ไม่เสียวแระ

ถึงแล้ววววว กังต็อก ระยะทางเกือบร้อยโล ใช้เวลาวิ่ง 5 ชั่วโมง

รถส่งเราแค่ jeep stand แล้วให้นั่งแท๊กซี่เข้าเมืองกังต็อกต่อ เป็นกฎของที่นี่ ห้ามรถใหญ่ส่งผู้โดยสารเข้าเมืองในช่วง 6 โมงเช้าถึงทุ่ม เราเลยต้องจับแท๊กซี่เข้า M.G. Marg (Center point ของกังต็อก) (100 รูปี)

พี่แตงกะจอยเฝ้ากระเป๋า ฉันกะจูนเดินว่อนหาโรงแรม แถว M.G. Marg โรงแรมก็เยอะอยู่แต่ส่วนใหญ่เต็ม เพราะเป็นหน้าเทศกาล ราคาแพงกว่าย่านอื่นหน่อย เราเดินหาแถวถนน Tibet โรงแรมถูกแต่สภาพเหมือนรูหนู อับสุดๆ สุดท้ายมาได้ที่ Snow Lion ต้องเดินขึ้นบันได รีเซปชั่นอยู่ชั้นสอง มีห้องว่าง เราขอดูห้อง ห้องใหญ่ สะอาด สไตล์ทิเบต เตียง ประตู โต๊ะ ลายฉูดฉาดได้ใจ นอนสี่คนได้ เพิ่มเตียงเสริม รีบจอง รีบเอา กลัวถูกแย่ง บอกราคามา 2500 รูปี ต่อได้ 2100 ตอนแรกให้แค่ 2200 ขอค่าแท๊กซี่ 100 แขกใจอ่อน ยอมให้ เราบอกเราเป็นนักเรียน มันบอกมันก็เป็นนักเรียนด้วย!

เช็คอินเข้าโรงแรม อาบน้ำแต่งตัว ออกมาเดินว่อนกันย่าน M.G. Marg หาร้านกินข้าวกัน บอกแล้วว่าช่วงเทศกาล คนเยอะจริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคนอินเดีย หนีร้อนมาเที่ยวหนาว

เราเดินหาร้าน Taste of Tibet กันจนเจอ ออกจะขึ้นชื่อในย่านนี้ มีสองสาขา อาหารรชาติใช้ได้ กินหมดทุกอย่าง

ค่ะ หนูจอยสาวอีสาน พกปลาร้ามาด้วย อาหารทิเบต อร่อยขึ้นเยอะ!

ออกจาก Taste of Tibet วกเข้าร้านขนมหวานต่อ เมื่อคนชอบลองสี่คนมาเจอกัน น้ำหนักไม่ขึ้นให้มันรู้ไป

จากนั้นก็เดินว่อนสำรวจย่าน M.G. Marg

หนูจอยอยากใส่ส่าหรี เราก็ตามหาให้จนเจอ

good night gangtok!

1 comment:

  1. ถึงการเดินทางจะลำบาก แต่อาหาร และวิวสวยๆ ก้อทำให้พวกเราหายเหนื่อยเลย

    ReplyDelete